นักผจญภัยบนเส้นทางสายแพรไหม "มาร์โค โปโล"
(ที่มา : https://pantip.com/topic/36166001 )
นักผจญภัยชาวตะวันตกที่ออกเดินทางตั้งแต่เยาว์วัย บนเส้นทางสายแพรไหมที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก พร้อมกับเรื่องราวสุดลี้ลับของชาวมองโกล โลกได้รู้จักชายผู้นี้ในนาม "มาร์โค โปโล" ผู้ที่เดินทางจากตะวันตกไปยังจีนในสมัยราชวงศ์หยวน บนเส้นทางสายแพรไหมบก และได้บันทึกเรื่องราวให้โลกได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจักพรรดิ์ กุบไลข่าน ผู้พิชิตโลก
มาร์โค โปโล เกิดวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1254 ณ เกาะคอรซูล่า ในประเทศโคเอเชียปัจจุบัน เขาเป็นนักเดินทางค้าขายและนักสำรวจชาวเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี มาร์โคโปโลได้ร่วมออกเดินทางไปยังตะวันออกพร้อมกับพ่อและลุงของเขา พ่อของมาร์โค โปโล ชื่อนิโกโล โปโล และลุงของเขาชื่อ มาฟฟิโอ โปโล เป็นพ่อค้าที่มั่คั่งแห่งเมืองเวนิส ยุคสมัยที่มาร์โค โปโล เกิดนั้น ในแง่ประวัติศาสตร์โลกแล้วตรงกับช่วงที่ยุโรปกำลังทำสงครามครูเสด ตอนที่มาร์โคยังเป็นเด็ก พ่อและลุงของเขาได้ออกเดินทางไกลไปในดินแดนที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อน จนไปถึงประเทศจีน เมื่อไปถึงก็ได้รับการต้อนรับจากจักพรรดิ์ กุบไลข่าน อย่างเป็นมิตรไมตรี และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนในยุโรป พ่อและลุงของมาร์โคได้เล่าเกี่ยวกับการเผยแพร่ของศาสนาคริสต์ให้กับจักพรรดิ์กุบไลข่าน จนเป็นที่น่าสนใจ ทำให้กุบไลข่านส่งจดหมายไปยังพระสันตะปาปาเพื่อแสดงความเป็นมิตร และขอให้ส่งมิชชันนารีมา 100 คนเพื่อสอนศาสนาแก่พวกเขา หลังจากที่พ่อและลุงของมาร์โคกลับมาถึงบ้านเกิด พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันได้เสียชีวิตลงไปนานแล้ว และยังไม่มีการแต่งตั้งองค์ใหม่ อีกทั้งเมียของนิโกโลก็เสียชีวิตนานแล้วเช่นกัน เหลือเพียงมาร์โค โปโล ที่ยังเป็นเด็กเพียงลำพัง จากนั้น 2 ปี พ่อและลุงพร้อมด้วยมาร์โคก็ออกเดินทางไปยังตะวันออกอีกครั้ง เมื่อมีการแต่งตั้งพระสันตะปาปาคนใหม่ มิได้หามิชชันนารีได้ครบตามจำนวนที่กุบไลข่านขอ แต่ให้มาเพียง 2 คน หลังจากนั้นก็เริ่มออกเดินทางเริ่มจากเขตรอยต่อโปแลนด์ไปยังทะเลเหลือง จากทุ่งหญ้าสเตปป์ในไซบีเรียไปยังอินเดีย เดินทางได้ไม่นานนักบวชสองคนก็หมดกำลังใจและถอนตัวออกจากการเดินทาง เพราะระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยทะเลทราย ครอบครัวมาร์โคจึงออกเดินทางเพียงลำพังข้ามทะเลทรายที่แสนโหดร้ายของเปอร์เซีย และที่นี่เองที่มาร์โคได้ล้มป่วยลงด้วยพิษไข้ จึงได้หยุดพักทางตอนเหนืออัฟกานิสถานในปัจจุบันและใช้เวลาแรมปีในการรักษาอาการพิษไข้ จากนั้นจึงออกเดินทางต่อ จนในที่สุดการเดินทางเป็นระยะเวลายาวนานกว่าสามปีครึ่ง ก็เดินทางมาถึงยังพระราชวังของจักพรรดิ์กุบไลข่าน พร้อมด้วยจดหมายของพระสันตะปาปา กับเจ้าหนุ่มมาร์โค โปโล ในขณะที่มาอายุ 21 ปี พ่อและลุงของเขาได้ขอร้องให้จักพรรดิ์กุบไลข่าน รับลูกชายของเขาเข้าทำงานในราชสำนัก นี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่มาร์โค โปโล ได้ประสบพบเจอมา จนเขียนร้อยเรียงเป็นเรื่องราวให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเทศจีนในยุคสมัยนั้น
วิธีคัดนางบำเรอของผู้นำมองโกล ผ่านสายตามาร์โค โปโล
(ที่มา : หนังสือการเดินทางของมาร์โค โปโล ,หน้า 144 )
กุบไลข่านเป็นชายรูปร่างกลาง ๆ ไม่สูงไม่เตี้ย แขนขาได้รูปดี ผิวพรรณดีไม่ขาวไม่ดำบางครั้งผิวอมแดงคล้ายสีดอกกุหลาบ แสดงถึงลักษณะของชนที่อยู่กับอากาศหนาว นัยต์ตาสีดำสวย จมูกโด่งเป็นสัน พระองค์มีพระชายาสี่พระองค์อยู่ในระดับเหนือสุด มเหสีแต่ละคนมีวังเป็นของตัวเอง และมีคนรับใช้ดูแลประกอบด้ววย นางกำนัลไม่ต่ำกว่า 300 คน ขันที 50 คน องครักษ์ประจำตัวพระองค์ เสนาบดี ผู้ดูแลฉลองพระองค์โดยเฉพาะ ไม่ต่ำกว่า 1000 คน
เมื่อกุบไลข่านประสงค์ที่จะเสด็จไปอยู่กับชายาองค์ใดพระองค์ก็จะเสด็จไป นอกจากนี้พระองค์ยังมีสนามงามอีกมากมายซึ่งเดินทางมาจากแคว้นทาร์ทาร์รีที่ชื่อว่า เมืองอังกุท โดยพระองค์จะส่งให้ขันทีที่ไว้ใจไปคัดเลือกสาวงามมาให้พระองค์ โดยวิธีการคัดเลือกนั้น เกณฑ์การคัดเลือกนั้นเริ่มจาก หญิงสาวที่มาคัดเลือกจะต้องเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ และมาจัดเรียงแถวต่อหน้าขันที โดยมิได้ใส่เสื้อผ้าซักชิ้นเดียว การตรวจสอบนั้นเป็นไปอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นความงามของผม ขนตา ปาก ริมฝีปาก รูปร่าง และของลับจะต้องดูสง่างามโดยประเมินค่าเป็นกะรัตสิบหก สิบเจ็ด สิบแปด หรือยี่สิบกะรัตมากหรือน้อยกว่านั้น เปรียบเสมืองการให้คะแนน 16-20 โดยกุบไลข่านมักต้องการมากกว่ายี่สิบกะรัต จากนั้นเมื่อคัดเลือกได้แล้วก็จะถูกส่งตัวไปยังพระราชวัง
เมื่อเดินทางมาถึง หญิงที่ได้รับคัดเลือกจากต้องผ่านการทดสอบจากผู้ตรวจสอบที่เป็นมหาดเล็กเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ไม่นอนกรน หรือนอนดิ้น กลิ่นปากต้องหอมหวานและเมื่อเวลาเช้าจะไม่มีกลิ่นตัว เมื่อผ่านการทดสอบแล้วสาวงามจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 5 คน แต่ละกลุ่มต้องอาศัยอยู่ในตำหนักในของท่านข่านเป็นเวลาสามวันสามคืนเพื่อปรนนิบัติทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ต้องการ เมื่อครบเวลาก็จะผลัดเปลี่ยนกับกลุ่มอื่นเข้ามาดูแลท่านข่านต่อ อีกทั้งยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่รอหน้าที่ประตูเผื่อท่านข่านมาความต้องการพิเศษ เช่น เครื่องดื่ม เหล้าหรืออาหาร ถือเป็นการคัดเลือกสาวงามของชาวมองโกลผ่านสายตาของมาร์โค โปโล
ความลับของเงินที่ทำจากระดาษโดยกุบไลข่าน
เป็นที่ทราบกันดีว่าในยุคราชวงศ์จีน ราชวงศ์หยวนนำโดยกุบไลข่านได้พลิกประวัติศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ โดยจัดทำเงินที่ทำจากกระดาษขึ้นบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักร ในเมืองคานบาลูเป็นที่ตั้งของโรงกษาปณ์ของกุบไลข่าน พระองค์มีความสามารถในการผลิตเงินตราด้วยกระบวนการพิเศษซึ่งในช่วงนั้นถือเป็นความลับ โดยเริ่มจากที่พระองค์นำเปลือกของต้นหม่อนซึ่งใบของมันใช้เลี้ยงตัวไหม เป็นใยอยู่ตรงกลางระหว่างเปลือกกับเนื้อไม้นำไปแช่น้ำแล้วตำในครก ก็จะได้เนื้อวัสดุที่นำไปทำกระดาษ ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับเนื้อฝ้ายแต่มีสีดำ เมือ่พร้อมแล้วพระองค์จะตัดเป็นปึกแผ่นสี่เหลี่ยมที่มีขนาดต่าง ๆ กัน ยาวบ้างกว้างบ้าง ขนาดเล็กสุดเท่ากับครึ่งตูนัวร์ ขนาดต่อมาเท่ากับหนึ่งเหรียญเวเนเซียน ขนาดต่อมาก็เท่ากันสอง ห้า สิบเหรียญทองคำ แหละหนึ่ง สอง สาม และสิบเหรียญเบซานทองคำ เงินที่ทำมาจากกระดาษนี้สามารถนำไปชำระหนี้ได้แทนเหรียญทองหรือเหรียญจริง ๆ จะมีพนักงานที่ได้รับคัดเลือกมาเพื่อเซ็นชื่อกำกับ พร้อมทั้งประทับตราลงในกระดาษ เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วจะมีขุนนางระดับสูงที่แต่งตั้งโดยท่านข่านนำตราประจำพระองค์มาประทับสีแดงลงไปบนแผ่นกระดาษ เท่านี้ก็สามารถเป็นเงินที่ใช้บังคับได้แล้ว หากมีผู้ใดปลอมแปลงเงินตราขึ้นมาจะมีโทษอย่างหนัก
เรื่องราวที่มาร์โค โปโลได้บันทึกลงในการเดินทางมายังจีนนั้น ยังมีเรื่องราวสุดลี้ลับอีกมากมายให้ได้เรียนรู้ โดยเฉพาะในบันทึกการเดินของมาร์โค โปโล ที่เขียนบอกเล่าเรื่องราวจากสิ่งที่พบ ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งของยุคกลางในสมัยนั้น หลักฐานที่ว่าการคัดเลือกนางบำเรอที่ใช้กลวิธีสุดแปลก หรือความลับในการทำเงินที่ทำจากกระดาษในยุคนั้น อันเป็นเรื่องราวร้อยเรียงในประวัติศาสตร์ให้โลกได้รับรู้ถึงอารยธรรมที่มีความเจริญอย่าง "จีน"
บรรณานุกรม
มานูเอล คอมรอฟฟ์. (2556). การเดินทางของมาร์โค โปโล (The Travels of Marco polo) .กรุงเทพ : ยิปซี
ศิลปวัฒนธรรม.(2562). ดูวิธีคัดสาวงามบำเรอของผู้นำมองโกลจากบันทึก "มาร์โค โปโล" เช็ก "ของลับ" ต้องไร้ที่ติ. ค้นเมื่อ 28 กันยายน 2563, จาก https://today.line.me/th/v2/article/M2wEo3 .
First man.(2560). มาร์โค โปโล : นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล. ค้นเมื่อ 28 กันยายน 2563, จาก https://historyxsite.wordpress.com/2017/09/24/marcopolo/ .
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น