ศาสนาและความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าอียิปต์
ศาสนาและความเชื่อก่อกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และคงฝังรากลึกมาจนถึงปัจจุบัน อันเป็นผลมาจากการที่มนุษย์นั้นมักอิงอาศัยอยู่กับธรรมชาติและใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ จึงมักสร้างเทพเจ้าของตนขึ้นเพื่อบูชาสรรเสริญและเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ หรือแม้กระทั่งความเชื่อวิญญาณเป็นอมตะและโลกหน้า ดั่งเช่น อียิปต์ อารยธรรมที่ได้ชื่อว่า “ของขวัญแห่งลุ่มน้ำไนล์” ซึ่งศาสนาและความเชื่อของชาวอียิปต์นั้น มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
1. ความเป็นมาของศาสนาและความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าอียิปต์
อารยธรรมอียิปต์โบราณเริ่มขึ้นประมาณ 3,150 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งสภาพแวดล้อมอียิปต์ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นดินแดนที่กันดารฝน แต่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากแม่น้ำไนล์ อันได้รับน้ำจากหิมะละลายและฝนฤดูร้อนในอบิสสิเนีย เมื่อนั้นน้ำจะไหลบ่าลงมาตามแม่น้ำ ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมจนถึงตุลาคม ทำให้สองฝั่งแม่น้ำไนล์จมอยู่ใต้น้ำบริเวณกว้าง เมื่อน้ำลดลงโคลนตมที่น้ำพัดพามาจะตกตะกอนเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูก ชาวอียิปต์นับถือเทพเจ้าหลายองค์ โดยเชื่อว่าธรรมชาติที่บรรดาลความอุดมสมบูรณ์ หรือความหายนะให้แก่มนุษย์ ล้วนเป็นประสงค์ของเทพเจ้าทั้งสิ้น ทำให้ชาวอียิปต์กำหนดเทพเจ้าขึ้นมามากมาย แต่เดิมนั้นเทพเจ้าอียิปต์มักมีลักษณะคล้ายรูปร่างสัตว์มากกว่ามนุษย์ ต่อมาจึงได้มีการพัฒนารูปร่างเทพเจ้าให้ดีขึ้น อีกทั้งชาวอียิปต์มีความเชื่อวิญญาณเป็นอมตะและโลกหน้า ซึ่งผู้ตายจะต้องพิสูจน์ตความดีของตนก่อนไปโลกหน้า ด้วยความเชื่อนี้จึงทำให้การฝังศพของชาวอียิปต์นิยมฝังไปพร้อม ๆ กับข้าวของเครื่องใช้และอาหาร ในส่วนร่างกายก็จะเก็บไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยด้วยการทำเป็นมัมมี่
2. เทพเจ้าองค์สำคัญ
อียิปต์โบราณถูกแบ่งออกเป็นอียิปต์บนและอียิปต์ล่าง
จากนั้นค่อยเกิดการรวมตัวของหลายชุมชนขึ้น ซึ่งในท้องถิ่นแต่ละพื้นที่จะมีเทพเจ้าประจำเมืองของตน
เช่น เมืองบูบาสติสจะนับถือเทพีบาสต์
อามอนเป็นเทพเจ้าประจำนครธีบีส ราเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ โอซิริสเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำไนล์
ฯลฯ ซึ่งเทพเจ้าที่สำคัญของอารยธรรมอียิปต์มีดังต่อไปนี้
1. เทพรา
(ที่มา : https://www.curriculumvisions.com/search/R/ra/ra.html)
เทพรา หรือเร หรืออาเมน-รา หรืออามอน-รา คือ เทพแห่งดวงอาทิตย์ เป็นเทพเจ้าสูงสุดที่ได้รับการบูชาในสมัยอาณาจักรเก่า มีหัวเป็นเหยี่ยว มีดวงอาทิตย์อยู่บนศีรษะ เทพราเป็นดั่งบิดาแห่งมวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย โดยเทพราจะใช้เรือสุริยันเป็นยานพาหนะ เพื่อตรวจเยี่ยมในแคว้นทั้ง 12 แคว้น ทำให้เกิดแสงอาทิตย์ตลอด 12 ชั่วโมงใน 1 วัน และในเวลากลางคืนพระองค์จะท่องไปในแดนมตภพดูอัตจากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออก
2. เทพโอซิริส
(ที่มา : http://www.phoenician.org/osiris_egyptian_god.htm)
เทพโอซิริส เป็นเทพแห่งการพิพากษา ซึ่งหน้าที่จะพิพากษาคนตายในปรโลก สัญลักษณ์ของเทพโอซิริสมักเป็นชาย ประทับยืนอยู่หรือประทับนั่งบนบัลลังก์ ถือแส้เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุด พระวรกายสีแดงหรือสีเขียว สวมมงกุฎสีขาวและมีขนนกสีแดงสองเส้นประดับอยู่ บางครั้งจะสวมสุริยะและเขาสัตว์
3. เทพฮอรัส
เทพฮอรัสหรือโฮรุส เป็นพระโอรสของเทพโอซิริสและเทวีไอซิส ทรงเป็นเทพแห่งท้องฟ้า มีลักษณะเป็นมนุษย์ที่มีศีรษะเป็นนกเหยี่ยวทรงสวมมงกุฎสองชั้นหรือแกะสลักเป็นรูปวงสุริยะมีปีกอยู่ที่รั้ววิหารประจำพระองค์
เทพแห่งเวทย์มนต์และผู้ปกป้องกษัตริย์และพระโอรส
5. เทพฮาเทอร์
ธิดาแห่งเทพเร เป็นเทพแห่งความรัก ความเป็นแม่ ศิลปะและดนตรี มีรูปร่างเป็นสตรี มีเขาวัวและดวงอาทิตย์แทรกอยู่ตรงกลาง
6. เทพอานูบิส
เทพอานูบิส เป็นเทพแห่งความตาย ทรงเป็นผู้ช่วยในการชั่งวิญญาณ โดยเป็นผู้ดูตาชั่งอย่าง ละเอียด โดยมีขนนกเป็นเครื่องวัด ถ้าขนนกเอนแปลว่ามีความผิดมากถ้าขนนอกเอนลงแสดงว่ามีความดี มากเทพอนูบิสมีสัญลักษณ์เป็นชาย มีศรีษะเป็นหมาใน
3. ความเชื่อหลังความตายกับการสร้างพีระมิด
การสร้างพีระมิดเป็นที่รู้กันว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่เกิดจากการใช้ความรู้ทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิศวกรรม ศิลปะ สถาปัตยกรรม และแรงงานคนจำนวนมากในการสร้าง ซึ่งอียิปต์ได้สร้างพีระมิดเป็นจำนวนมาก แต่ที่โด่งดังที่สุดก็คือ พีระมิดยักษ์แห่งเมืองกิซา เป็นพีระมิดของพระเจ้าคูฟุ สร้างเมื่อ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ใช้ก้อนหินประมาณ 2,300,000 ก้อน แต่ละก้อนหนักกว่า 2 ตัน และใช้แรงงานคนสกัดหินทุกก้อนด้วยสิ่วและค้อนอย่างยากลำบาก ประณีตและชำนาญ พีระมิดนี้สร้างบนเนื้อที่ประมาณ 12 เอเคอร์ ฐานกว้าง 755 ฟุต สูง 481 ฟุต จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลกโบราณ
อย่างที่ทราบกันดี ความเชื่อของยาวอียิปต์นั้นเชื่อในเรื่องของวิญญาณเป็นอมตะและโลกหน้า จากความเชื่อนี้เมื่อกษัตริย์อียิปต์สวรรคตจึงมักถูกนำไปไว้ในสุสานพร้อมกับสิ่งของต่าง ๆ เช่น ข้าวโพด ผลไม้ เสื้อผ้า สมบัติ หรือแม้กระทั่งทาส ซึ่งจะถูกฆ่าแล้วฝังไว้ใกล้ ๆ กับสุสานของกษัตริย์ เพื่อไปรับใช้กษัตริย์ต่อไป และทำเป็นมัมมี่ ซึ่งจากการค้นพบภายในพีระมิด ทำให้ทราบว่า ภายในพีระมิดมีห้องลึกลับและมีทางเดินคับแคบ ห้องเหล่านั้นเป็นห้องเก็บมัมมี่และองค์ฟาโรห์ มเหสี และมหาสมบัติมากมาย ซึ่งจากการสังเกตของนักอียิปต์วิทยา จะสรุปได้ว่า ผิวด้านข้างของพีระมิดที่สร้างในยุคแรก ๆ นั้น มิได้ราบเรียบ แต่มีลักษณะเป็นชั้นบันไดเสมือนจะให้กษัตริย์ได้ใช้ดำเนินขึ้นไปเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์ โดยตามความเชื่อของคนทั่วไป ฟาโรห์คือเทพเจ้าผู้เป็นทั้งแม่ทัพ ผู้พิพากษา และผู้พิทักษ์สมบัติของแผ่นดินทั้งมวล ดังนั้นในการสร้างพีระมิดผู้คนที่มาสร้างจึงไม่ใช่ทาส แต่เป็นชาวนาชาวไร่ผู้มีความเชื่อว่าตนทำสิ่งที่ถูกต้อง และการสร้างพีระมิดมักตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำไนล์ เพราะชาวอียิปต์ถือว่าดินแดนในทิศตะวันตกคือดินแดนสำหรับคนที่ตายไปแล้ว
จากศาสนาและความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าอียิปต์ จะเห็นได้ว่าชาวอียิปต์นั้นนับถือเทพเจ้าหลายองค์ ซึ่งแต่ละองค์จะทำหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป และชาวอียิปต์ยังมีความเชื่อในเรื่องของวิญญาณเป็นอมตะและโลกหน้า จึงเป็นที่นิยมของการฝังร่างไว้ในสุสานพร้อมกับสิ่งของเครื่องใช้ หรือการทำมัมมี่ของกษัตริย์และการสร้างพีระมิดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าเฝ้าเทพเจ้า เพื่อให้เป็นผู้ที่ควรเคารพแก่มวลประชาชน
บรรณานุกรม
เพ็ญศรี ภูมิถาวร. (ม.ป.ป.) ตอนที่ 1 อารยธรรมตะวันตกยุคโบราณ. ค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2563, จาก http://old-book.ru.ac.th/e-book/h/HI103(54)/HI103-1.pdf
อนันตชัย จินดาวัฒน์. (2555). ตามรอยอารยธรรม ตอน กำเนิดอารยธรรมโบราณ. กรุงเทพฯ : ยิปซี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น