ระบบวรรณะในสังคมอินเดีย
ระบบวรรณะถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ยึดโยงผู้คนในสังคมอย่างมีรูปแบบ แบบแผน ในการดำเนินชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย บุคคลใดเกิดอยู่ในวรรณะใดจะต้องอยู่วรรณะนั้นจนตาย มิอาจที่จะเลื่อนวรรณะได้หรือทำได้ยาก ระบบวรรณะนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลและยังใช้จนถึงปัจจุบัน อันระบบวรรณะนี้เป็นสิ่งที่จะต้องมองอย่างหลากหลายมิติ เพื่อความเข้าใจสังคมของอินเดีย
วรรณะพราหมณ์ เชื่อว่าเกิดจากพระโอษฐ์ หรือปากของพระพรหม มีสีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะ คือ สีขาว เปรียบเสมือนความบริสุทธิ์ มีหน้าที่เป็นผู้นำในการประกอบพิธีทางศาสนา สวดมนต์ อบรมสั่งสอน ให้คำปรึกษาพระเจ้าแผ่นดิน
วรรณะกษัตริย์ เชื่อว่าเกิดจากพระอุระ หรืออกของพระพรหม ถือว่าสืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ สีเครื่องแต่งกายประจำ คือ สีแดงหมายถึงนักรบ ทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ออกสู้รบเพื่อขยายอาณาจักร เป็นพระเจ้าแผ่นดินทีปกครองแบบสามัคคีธรรม
วรรณะแพศย์ เชื่อว่าเกิดจากพระเพลา หรือตักของพระพรหม สีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะคือ สีเหลือง เปรียบเสมือนพวกแสวงหาทรัพย์สมบัติ อันได้แก่พวกพ่อค้า คหบดี เศรษฐี และเกษตรกรรม
วรรณะศูทร เชื่อว่าเกิดจากพระบาทหรือเท้าของพระพรหม สีเครื่องแต่งกายประจำคือ สีดำ หรือสีอื่น ๆ ที่ไม่มีความสดใส มีหน้าที่เป็นกรรมกรหรือลูกจ้าง
นอกจากนี้ในสังคมอินเดีย ยังมีวรรณะหนึ่งที่ถือว่าเป็นวรรณะต่ำสุดในอินเดีย ซึ่งมิได้นับรวมในวรรณะทั้ง 4 นั่นก็คือ จัณฑาล เป็นพวกที่เกิดจากการแต่งงานของ แม่ที่อยู่วรรณะพราหมณ์กับพ่อที่เป็นวรรณะศูทร ลูกออกมาจะอยู่วรรณะ "จัณฑาล" ในทันที เพราะถือว่าเป็นการแต่งงานที่เลว คือภรรยาอยู่ในวรรณะที่สูงกว่าสามี และกลุ่มจัณฑาลจะถูกเหยียดหยามจากสังคมเป็นอย่างมาก อาชีพส่วนใหญ่ที่ทำ คือ กวาดถนน ล้างท่อระบายน้ำ เก็บขยะ ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดิน
บุคคลสำคัญที่มีส่วนผลักดันระบบวรรณะ
เป็นที่ทราบกันดีว่า อินเดียนั้นเคยถูกปกครองโดยจักวรรดิอังกฤษเป็นเวลาหลายร้อยปี ในช่วงที่อินเดียต้องการเอกราชคืนจากอังกฤษ ได้ถือกำเนิดบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออินเดีย 2 ท่าน นั่นก็คือ มหาตมะ คานธี ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นบิดาแห่งชาติสมัยใหม่ของอินเดีย และอีกท่านหนึ่ง คือ ดร. บี. อาร์. อัมเบดการ์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่ง ประชาชนผู้ถูกกดขี่ บุคคลทั้งสองคนนี้ได้มีส่วนผลักดันให้อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่กระนั้นมุมมองของการมองระบบวรรณะของทั้ง 2 ท่านนั้น มีมุมมองที่แตกต่างกัน กล่าวคือ มหาตมะ คานธี เกิดในชนชั้นสูง วรรณะแพศย์ เคยได้ไปศึกษาวิชากฎหมายที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่ง มหาตมะ คานธี มองระบบวรรณะว่า การแบ่งงานตามระบบวรรณะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทุกอาชีพเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเท่าเทียมกัน ดังนั้นจะต้องมีการตีความวรรณะให้ถูกต้อง ส่วน ดร. บี. อาร์. อัมเบดการ์ เป็นบุคคลที่เกิดในครอบครัววรรณะจัณฑาล จบการศึกษาขั้นปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัย โคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ดร. บี. อาร์. อัมเบดการ์ มองระบบวรรณะว่าเป็นสิ่งที่ผิดมาตั้งแต่ต้น ระบบวรรณะแสดงถึงความจำกัดสิทธิ์ หน้าที่ต่าง ๆ ของคนในสังคมเกินไป ควรมีการปฏิรูประบบวรรณะใหม่ในสังคม โดยกำจัดทิ้งเสีย แล้วหันมาให้ผู้คนคำนึงถึงความเท่าเทียม เสรีภาพ และหลักภารดรภาพ ซึ่งเหตุกาณ์ที่สำคัญของ ดร. บี. อาร์. อัมเบดการ์ คือการรวบรวมผู้คนในอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู เปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ เพื่อให้หลุดพ้นจากกรอบของระบบวรรณะในสังคม เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ระบบวรรณะที่อยู่ในประเทศอินเดีย มีทั้งหมด 4 วรรณะ ซึ่งแบ่งตามอาชีพของแต่ละบุคคลอย่างชัดเจน จะข้ามวรรณะมิได้ หากการสังเกตมุมมองหลากหลายมิติเกี่ยวกับวรรณะ เห็นได้ว่ามองได้หลายมิติ หากมองตามแบบแนวคิดตะวันตกหรือสากลโลก ระบบวรรณะนั้นเป็นสิ่งที่กดทับความเป็นมนุษย์อย่างมาก หรือหากมองในมุมมองของผู้คนที่อาศัยในอินเดีย อาจจะเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้วสำหรับผู้คนในอินเดีย เป็นต้น
บรรณานุกรม
สมหวัง แก้วสุฟอง. (2561). ระบบวรรณะ: ปัญหาและทางออก ในมุมมองของ มหาตมะ คานธี และ ดร. บี. อาร์ อัมเบดการ์. ค้นเมื่อ 14 กันยายน 2563, จาก file:///C:/Users/acer/Downloads/150132-Article%20Text-403049-1-10-20181011.pdf .
อาชว์ภูริชญ์ น้อมเนียน. (2560). แนวคิดทางสังคมเรื่องอาชีพจากมุมมองเรื่องวรรณะใน ศาสนาฮินดู. วารสารการบริหารปกครอง (Governance Journal), 6(1) .
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น